FL-44190-00005
ประวัติชุมชนบ้านโคกกลาง
ประเภทวัฒนธรรม
จับต้องไม่ได้ : InTangible.
หมวดหมู่วัฒนธรรม
วรรณกรรมพื้นบ้าน
FL:Folk Literature
ข้อมูล/ประวัติ
บ้านโคกกลาง ตำบลโนนภิบาล อำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคาม ในปีพ.ศ. 2487 คนในชุมชนได้ย้ายมาจากบ้านโนนภิบาลแรกเริ่มมีทั้งหมด 7 ครัวเรือน อาศัยอยู่ตามที่ไร่ ที่นา ที่สวนของตนเอง อยู่บริเวณทิศตะวันตกของศาลากลางบ้าน(โดม)ในปัจจุบัน บ้านโคกกลาง มี ทั้งหมด 2 ตระกูลจากการสัมภาษณ์คนในชุมชนพบว่า “ บ้านโคกกลางเฮานี้ส่วนใหญ่เป็นญาติเป็นพี่น้องกัน บ้านโคกลางมี 2 ตระกูลใหญ่ๆคือ ตระกูลนนทะนำ และตระกูลเสรดรหรือเสระดร เขียนได้สองแบบ ตอนแรกที่ย้ายมากะมีแค่ 7 ครัวเรือน บ่หลาย กะพากันไปอยู่ตามไร่นาของไผของมัน แต่กะมาหากัน พึ่งพากันตลอด” (คำพี นนทะนำ. 2564. สัมภาษณ์) ราวทศวรรษที่ 2500 บริเวณที่ตั้งชุมชนส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่าโคก คนในชุมชนส่วนใหญ่อาศัยการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย มีการพึ่งพาอาศัยกัน ประมาณปีพ.ศ. 2504 ในยุครัฐบาลของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับที่ 1 เป็นแผนงานสร้างรายได้จากภาคเกษตรกรรม จึงมีการมองหาช่องทางว่าจะนำพืชชนิดใดมาให้เกษตรกรปลูก แล้วนำผลผลิตไปสร้างให้เกิดมูลค่าเพิ่ม "ปอ" จึงถือเป็นพืชเศรษฐกิจอีกอย่างหนึ่ง ที่ชาวภาคตะวันออกเฉียงเหนือนิยมกันมากเพราะมีรายได้ที่ดี จึงทำให้คนในชุมชนบ้านโคกกลางเริ่มมีการหันมาปลูกปอเพิ่มมากขึ้น บ้านโคกกลางมีนายฮ้อยปอ(พ่อค้าขายปอ)จากการสัมภาษณ์คนในชุมชนพบว่า “บ้านโคกกลางมีการปลูกปอหลายมาก เพราะได้เงินดี แม่จำได้ตอนน้อยๆสมัยสาวๆไปลอกปอรับจ้างพอได้เงินมาซื้อขนมกะดีใจแล้วฮ่า ฮ่า แต่ก่อนบ้านโคกกลางกะมีนายฮ้อยปอชื่อว่า พ่อหงวน เสระดรได้นำปอไปขายให้กับบ้านหนองตื่น แล้วกะยังมีนายฮ้อยจากบ้านหนองตื่นมารับซื้อปอถึงบ้านพวกแม่เลยเด้ สะดวกหลายบ่ต้องไปหาขายเอง” (หล้าน้อย บูญโกมุด. 2564. สัมภาษณ์) การปลูกปอของบ้านโคกกลางนี้มีทั้งผลกระทบที่ดีและเสีย กล่าวคือ การปลูกปอส่งผลให้เกิดรายได้หมุนเวียนกันในชุมชน ชาวบ้านมีเงินซื้อวัว ควาย ที่ดินทำมาหากินรวมไปถึงรถมอเตอร์ไซค์ อย่างไรก็ตามการปลูกปอก็มีผลเสียที่ตามาคือ พื้นที่ป่าในชุมชนเริ่มหายไป เพราะคนในชุมชนได้มีปรับเปลี่ยนพื้นที่ป่าโคกเพื่อทำการปลูกปอ ทำให้ในปัจจุบันที่ดินของบ้านโคกกลางในปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่สำหรับการทำนาข้าว และเมื่อพื้นที่ป่าหายไปทำให้คนในชุมชนเริ่มมีการขยายตัวออกไปตั้งบ้านเรือนเพิ่มมากขึ้น ในปีพ.ศ. 2514 จึงตั้งเป็นบ้านโคกกลาง สาเหตุของชื่อหมู่บ้านมาจาก เมื่อก่อนสภาพพื้นที่ของบ้านโคกกลางเป็นป่า ต่อมามีการปลูกปอทำให้คนในชุมชนมีการถากถางป่าทำให้บริเวณรอบชุมชนเป็นพื้นที่โล่งและกลายมาเป็นไร่นาในปัจจุบัน ชุมชนถูกล้อมด้วยที่นาจึงเรียกว่าโคกกลางเพราะมีโคกอยู่ตรงกลาง และต่อมาในปีพ.ศ. 2517 ได้มีการตั้งวัดขึ้นชื่อว่า “วัดประชาสามัคคี” เดิมชื่อ วัดบ้านโคกกลาง ซึ่งเป็นเพียงสำนักสงฆ์ ปีพ.ศ. 2518 ชุมชนบ้านโคกกลางเริ่มมีการพัฒนาเป็นอย่างมาก มีการขุดรอบหนองฝายและทำถนนรพช.และทางภาครัฐได้จ้างคนในชุมชนไปทำถนนร่วมกัน ในปีถัดมา พ.ศ.2519 เริ่มมีการปลูกยาจี๊ด (ยาสูบ) แต่ยังขายไม่ได้ ต่อมาในปี2521 ไฟฟ้าเริ่มเข้ามาภายในชุมชน สมัยนายอำพล จันทร์เจริญ(ผู้แทนกล้วย) ทำให้คนในชุมชนมีไฟฟ้าใช้ มีแสงสว่างและเริ่มมีเทคโนโลยีต่างๆเพิ่มเข้ามาเช่น โทรทัศน์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ในปีพ.ศ.2538 คนในชุมชน ได้มีการตั้งกลุ่มทอผ้าขาวม้า ผ้าห่มและผ้าไหม ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มารับซื้อคือกลุ่มลูกค้าบ้านหนองขอน บ้านโคกกลางจะเป็นฝ่ายผลิตและบ้านหนองขอนเป็นผู้จัดจำหน่าย ปีต่อมาพ.ศ. 2539 คนในชุมชนบางส่วนเริ่มมีการทำก้นหวดขาย มีบ้านหนองแสนและบ้านกุดนารีเป็นกลุ่มซื้อหลักๆเดิมขายแผ่นละ 50 สตางค์ 100แผ่น เท่ากับ50 บาท ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีการทำอาชีพนี้อยู่เพื่อเป็นรายได้เสริม มีคนทำประมาณ 7หลังคาเรือน ขายอยู่ที่100แผ่น เท่ากับ170 บาท ขายแยกตกอันละ 5 บาท ปีพ.ศ.2540 ได้มีกองทุนหมู่บ้าน(เงินล้าน)และกองทุนแม่ของแผ่นดินเข้ามา ทำให้คนในชุมชนมีเงินลงทุนในการทำอาชีพต่างๆ เกิดรายได้หมุนเวียนส่งผลให้ในปัจจุบันเศรษฐกิจในชุมชนดีขึ้น และยาเตอร์จี๊ดหรือยาสูบ ขายได้รายได้ดีในปีพ.ศ. 2557-2558 คนในชุมชนจึงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น วิถีชีวิตส่วนใหญ่ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย เพราะเป็นชุมชนขนาดเล็ก มีผู้ใช้สิทธิ์ประมาณ 162 ครัวเรือน อาชีพของคนในชุมชนส่วนใหญ่คือเกษตรกรรมและมีอาชีพเสริมคือทอผ้า ทำก้นหวดและปลูกยาจี๊ด
ที่ตั้ง
เลขที่ : บ้านโคกกลาง ต. โนนภิบาล อ. แกดำ จ. มหาสารคาม 44190
บุคคล/กลุ่มผู้ให้ข้อมูล
- นางหล้าน้อย บุญโกมุด
ผู้บันทึกข้อมูล
- มหาวิทยาลัยมหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม :
ช่องทางติดต่อ
- -
มีผู้เข้าชมจำนวน :726 ครั้ง
บันทึกข้อมูลเมื่อวันที่ : 19/02/2022 - ปรับปรุงล่าสุดวันที่ : 19/02/2022