AR-10600-00023
โรงเจเสี่ยงเข่งตึ้ง
Chiang Keng Tung Shrine and vegetarian Place
ประเภทวัฒนธรรม
จับต้องได้ : Tangible.
หมวดหมู่วัฒนธรรม
สถาปัตยกรรม
AR:ARchitecture
ศาสนสถาน
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์
แหล่งพิธีกรรม
ข้อมูล/ประวัติ
โรงเจ เสี่ยง เข่ง ตั๊ว หรือเซี่ยง เข่ง ตึ๊ง ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 58 ซอยโรงเจ (ตรงข้ามวัดกลาง) ถนนเทอดไท 21 ตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร พระอาจารย์เล้าอุ่นเตียก เป็นเจ้าอาวาสคนแรก ประวัติของเจ้าอาวาสคนแรก ท่านอาจารย์เล้าอุ้นเตียก เกิดที่มณฑลกวางตุ้ง จังหวัดเตี่ยอัง ประเทศจีน เมื่ออายุได้ 12 ปี บิดาของท่านก็ได้รับตำแหน่งผู้ว่าฯ เมืองเตี่ยจิว ท่านอาจารย์ก็ได้ติดตามบิดาไปด้วย ได้ร่ำเรียนหนังสืออยู่ที่บ้านของท่านเอง ซึ่งก็เป็นโรงเรียนของเด็กในละแวกนั้นด้วย เรียกว่า แกซก ในสมัยก่อนนั้น ครอบครัวของชาวจีนที่มีฐานะดีมาก มักจะว่าจ้างครูมาสอนลูกหลานของตนที่บ้าน ซึ่งมักจะอนุญาตให้เด็กละแวกนั้นมาเรียนรวมด้วย ตอนที่เรียนอยู่นั้นท่านได้อ่านพบประวัติของพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม และท่านเซียนหันเชียนจื่อ ผู้สำเร็จมรรคผล จึงเกิดความศรัทธา และมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะออกบวชแบบลัทธิเต๋า คือ การบวชเป็นนักพรต ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันนั้นได้มีนักพรตท่านหนึ่งนามว่า “จูซุ้งงวน” ได้มาพำนักอยู่ที่เมืองเตี๋ยจิวเพื่อแสดงธรรม ท่านอาจารย์ก็ได้มีโอกาสไปฟังธรรมด้วย แม้อายุยังน้อยแต่สามารถฟังธรรมของนักพรตจูได้ เมื่อมีอายุได้ 18 ปี เนื่องจากสภาพแวดล้อมผูกมัดจึงไม่สามารถที่จะทำสิ่งที่ท่านอาจารย์ต้องการ จึงหลบหนีบิดาและพี่ชายมายังประเทศไทย เมื่อถึงแล้วก็ส่งจดหมายกลับบ้านเพื่อแจ้งข่าวคราว เมื่อบิดาทราบเรื่องก็สายเกินกว่าจะทัดทานท่านได้ เพราะระยะทางห่างไกล เมื่อถึงยุคราชวงศ์เช็ง ซึ่งตรงกับปีช่วงท่งซิงไท (พ.ศ. 2454) เดือน 7 วันที่ 1 เวลาประมาณเที่ยงวัน ท่านได้เข้าเป็นศิษย์คนแรกในเมืองไทยของท่านนักพรตหงุ่ยเชียงเสียง โดยมีท่านนักพรตอั้งเป็นอาจารย์ค้ำประกัน และท่านเล้าเม่งเต็กเป็นอาจารย์แนะนำเข้าสำนัก เป็นระเบียบของลัทธิเต๋าที่ต้องมีอาจารย์สามท่าน และในเวลาต่อมาท่านฮ้อแกเลี้ยงผู้มาจากเมืองกิกเอี้ย ได้จัดทำพิธีรับศีลเทียงอึง ซึ่งเป็นชื่อชั้นของลัทธิเต๋าให้แก่ผู้ที่ศรัทธา หลังจากโรงเจเสี่ยงเข่งตึ้งก่อสร้างเสร็จ และทำพิธีเปิดแล้ว เนื่องจากคุณธรรมและบารมีของท่านอาจารย์สูงส่ง จึงมีผู้คนที่ศรัทธาในธรรมะมาสมัครเป็นศิษย์มากมายโดยเรียงลำดับจากชั้นสูงไปหาต่ำตามลำดับ แบบลัทธิเต๋าดังจำนวนต่อไปนี้ อิงอึง ชาย 8 คน และ หญิง 10 คน เจ่งอึง ชาย 4 คน และ หญิง 18 คน เทียงอึง ชายหญิงรวม 129 คน จิบสื่อ ชายหญิงรวม 1,66 คน จ่งเซง ชายหญิงรวม 1,063 คน อู่เต๋ามึงเซง ชายหญิงรวม 7,146 คน นอกจากท่านอาจารย์จะปฏิบัติธรรมแล้ว ยังได้จัดพิธีบวงสรวงขึ้น ซึ่งมีพิธีบวงสรวงใหญ่ 3 ครั้ง ได้แก่ ครั้งแรก ปี พ.ศ. 2486 ในฤดูหนาว จัดพิธีบวงสรวงฟ้าดิน 108 วัน ครั้งที่สอง ปี พ.ศ. 2499 ในฤดูใบไม้ผลิ จัดพิธีบวงสรวงกิมบ้อ 81 วัน ครั้งที่สาม ปี พ.ศ. 2505 ในฤดูหนาว จัดพิธีบวงสรวงปวงเทพบนสวรรค์ 122 วัน หลังจากท่านอาจารย์ได้ทำพิธีบวงสรวงครั้งสุดท้ายซึ่งครบ 3 ครั้งตามความเชื่อของลัทธิเต๋าพอดี เหมือนกับท่านหยั่งรู้ถึงชะตาชีวิตท่านเองว่าจะมีอายุ 81 ปี จึงได้จัดพิธีบวงสรวงกิมบ้อ 81 วัน ในครั้งที่สองและเร่งทำการจัดพิธีบวงสรวงปวงเทพบนสวรรค์ (ส่วนครั้งที่สามได้จัดให้เสร็จภายในปี พ.ศ. 2505 แล้วท่านอาจารย์ก็จากไปอย่างสงบเมื่อปลายปี พ.ศ. 2505) สถาปัตยกรรมโรงเจ เสี่ยง เข่ง ตั๊ว หรือเซี่ยง เข่ง ตึ๊ง โรงเจ เสี่ยง เข่ง ตั๊ว หรือเซี่ยง เข่ง ตึ๊ง มีอายุมากกว่า 100 ปี เป็นต้นแบบศาลเจ้าที่มีโรงเจแห่งแรก ๆ ในประเทศไทย เป็นที่พักอาศัยและเป็นที่ปฏิบัติธรรมของผู้ถือศีลกินเจ เป็นโรงเจที่ไม่มีเนื้อสัตว์ตลอดทั้งปี ไม่ใช่เพียงแค่เทศกาลเท่านั้น เนื่องจากผู้คนที่นี่อาศัยอยู่เสมือนบวชถือศีลปฏิบัติธรรม ต้องเคร่งครัดจึงไม่ทานเนื้อสัตว์ ซึ่งคนนอกสามารถเข้าร่วมถือปฏิบัติธรรมศีลได้ โดยการที่จะต้องนุ่งขาวห่มขาวทานเจเป็นระยะเวลา 12 วันในช่วงเทศกาลกินเจ ปัจจุบัน มูลนิธิเสี่ยงเข่งตึ้ง มีสถานะเป็นเจ้าของโรงเจ เสี่ยง เข่ง ตั๊ว หรือเซี่ยง เข่ง ตึ๊ง บริเวณนี้ก่อนที่จะมีชุมชน ในอดีตรั้วโรงเจเป็นต้นไม้ที่กั้นระหว่างชุมชนกับโรงเจ และสมัยก่อนจะมีบ่อน้ำ น้ำในบ่อจะเป็นน้ำที่ผุดขึ้นมาจากดิน เป็นน้ำธรรมชาติสะอาด คนสมัยก่อนหากไม่มีน้ำก็จะมาเอาน้ำที่โรงเจ ปัจจุบันได้ปิดล้อมพื้นที่ดังกล่าวเนื่องจากกลัวจะเกิดอุบัติเหตุแก่เด็ก ๆ ที่เข้ามาวิ่งเล่น ในพ.ศ. 2485 ช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพมหานคร ได้มีการนำรูปปั้นมังกร 5 ตัวมาไว้บริเวณบ่อน้ำดังกล่าวเนื่องจากมีความเชื่อในเรื่องนำพาอุทกภัยออกไป จะมีการทำพิธีเฉพาะทางของทางลัทธิเต๋าต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ ทำให้เริ่มมีผู้คนที่ศรัทธา สนใจในธรรม สนใจในการปฏิบัติธรรมถือศีลกินเจเริ่มหลั่งไหลกันเข้ามาสักการะบูชา และร่วมประกอบพิธีต่าง ๆ ทางศาสนามากขึ้น กรณีที่กินเจจะต้องใส่ชุดสีขาวจึงจะเข้าได้ แต่หากนับผู้คนที่เข้าโรงเจในปัจจุบัน ผู้ที่เข้ามาในโรงเจนั้นน้อยลง จะเข้ามาเพียงแค่ในช่วงเทศกาลเท่านั้น ในส่วนของวันธรรมดาก็จะมีเพียงไม่กี่คนเข้ามาหยอดตู้บริจาค กวาดลานอู่ หรือไหว้พระในศาลเจ้า ในช่วงเทศกาลกินเจจะมีคนมาที่โรงเจเป็นจำนวนมาก ผู้สูงอายุที่อยู่ในนี้จะถูกเรียกว่าอาโก เพราะถือศีลกินเจกันตั้งแต่เด็กๆ ไม่ได้แต่งงานและไม่ได้มีบุตร ในกรณีที่จะมีบุตรก็จะขอรับมาเลี้ยง ผู้ที่ทานเจมาตลอดชีวิตจนชรา จะมีครอบครัวไม่ได้ เสมือนกับการบวชถือศีล ทุกวันนี้ยังคงมีอยู่ แต่มีน้อยมากที่จะถือศีลกินเจจนเสียชีวิต ส่วนมากจะมาเพียงแค่ช่วงทำพิธีตามเทศกาล ซึ่งเวลาทำพิธีจะใส่ชุดอ้อสีขาวและมาทำพิธี แต่ยุคสมัยนี้เนื่องจากมีคนเข้ามาที่โรงเจน้อยลงจึงได้มีการประชาสัมพันธ์โดยการนิมนต์พระอาจารย์ไปออกรายการทางโทรทัศน์ เพื่อดึงความสนใจผู้คนเข้ามาถือศีลกินเจ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมโรงเจ เสี่ยง เข่ง ตั๊ว เป็นสถาปัตยกรรมแบบเฉาซ่าน มุงหลังคาด้วยกระเบื้องสีเขียวมรกต โครงสร้างอาคารในส่วนศาลเจ้าเป็นแบบไถเหลียง (抬梁) โดยมีลักษณะเด่นคือ ช่างตั้งเสาหลักขึ้นทั้งสองข้าง โดยหัวเสาทำหน้าที่รองรับขื่อ บนขื่อชั้นนี้มีการตั้งเสาขนาดเล็กสั้น 2 เสา เพื่อรองรับขื่อที่มีสั้นกว่าขื่อชั้นล่าง เหนือขื่อชั้นนี้ขึ้นไปมีการตั้งเสาและขื่อในลักษณะคล้ายกันจนถึงยอดจั่ว สำหรับโครงสร้างประเภทดังกล่าว ขื่อทำหน้าที่รับแปโดยตรง และลักษณะของที่พักอาศัย จะมีลักษณะคล้ายที่พักอาศัยของชาวมณฑลกวางตุ้งในสมัยก่อน งานสถาปัตยกรรมตามแบบที่พบในเขตเฉาซ่าน ได้แก่ จังหวัดซ่านเหว่ย เจี่ยหยางซ่านโถว เฉาโถว พื้นที่ดังกล่าว สัมพันธ์กับวัฒนธรรมแต้จิ๋ว โรงเจ เสี่ยง เข่ง ตั๊ว มีขนาดพื้นที่ 5 ไร่ ล้อมรอบด้วยอาคารที่พักอาศัยของผู้ที่มาปฏิบัติธรรมถือศีลกินเจ มีขนาด 1 โกย (1 unit) ต่อ 1 คน ตั้งอยู่ทางด้านข้างทั้งสองของวิหารเอี่ยวกิมบ้อ มีพื้นที่บริเวณตรงกลางไว้สำหรับทำกิจกรรมต่างๆทางศาสนาและการศึกษา ส่วนที่ต่อเติมด้านหลังจะเป็นส่วนของอาคารที่ประดิษฐานของเทวรูปต่าง ๆ และมีโรงครัวสำหรับประกอบอาหารเจ รายละเอียดทางสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ : ที่หน้าบันของตัวอาคาร มีการสลักตัวอักษรจีนที่เขียนถึงสวรรค์และธาตุบนโลกทั้ง 5 ไว้ ได้แก่ ธาตุไม้ ธาตุไฟ ธาตุดิน ธาตุทอง และธาตุน้ำ ที่เพดาน และหน้าบันต่างๆของโรงเจจะมีภาพวาดเทพเจ้าจีนไว้ มีการตกแต่งด้วยหลักของฮวงจุ้ย เช่น ในส่วนของหลังคานั้นชาวจีนมีความเชื่อว่ายิ่งศาลเจ้ามีหลังคาสูงก็จะนำพาเอาความมั่งมีมามากขึ้น (แต่หากเป็นบ้านของชาวบ้านแล้วหากมีหลังคาสูงมาก ๆ ก็จะยิ่งจน) หรือพื้นของศาลเจ้านั้นจะต้องยกสูง มีธรณีประตู โดยเรือนประธานจะต้องยกพื้นให้สูงขึ้นอีกขั้น เพื่อเป็นการเตือนสติให้เรารู้สึกตัวว่าเราจะต้องวางสิ่งที่ไม่ดีไว้และยกจิตใจของตนให้สูงขึ้น โครงสร้างอาคารแบบไถเหลียง (抬梁) มีลักษณะเด่นคือ ช่างตั้งเสาหลักขึ้นทั้งสองข้าง โดย หัวเสาทำหน้าที่รองรับขื่อ บนขื่อชั้นนี้มีการตั้งเสาขนาดเล็กสั้น 2 เสา เสาคู่หลักด้านในเรียกว่า “จินจู้” (金柱) ส่วนเสาที่รับชายคาเรียกว่า “ปู้จู้” (步柱) ส่วนเสาขนาดสั้นเล็กที่ตั้งบนขื่อเรียกว่า “ถ่งจู้” (童柱) ขื่อ เรียกว่า “เหลียง” (梁) เพื่อรองรับขื่อที่มีสั้นกว่าขื่อชั้นล่าง เหนือ ขื่อชั้นนี้ขึ้นไปมีการตั้งเสาและขื่อในลักษณะคล้ายกันจนถึงยอดจั่ว สำหรับโครงสร้างประเภทดังกล่าว ขื่อทำหน้าที่รับแปโดยตรง โดยฐานของถ่งจู้จะมีการสลักรูปคล้ายฟักทอง ในส่วนของเสาของศาลเจ้านั้น เรือนประธานจะต้องเป็นเสากลมเท่านั้น แต่ถ้าเป็นเสาส่วนที่ไม่ใช่เรือนประทานจะเป็นเสาเหลี่ยม เนื่องจากมีความเชื่อที่ว่า วงกลมเป็นสัญลักษณ์ของฟ้า สี่เหลี่ยมเป็นสัญลักษณ์ของดินหรือมนุษย์ ดังที่เห็นว่า เสาในส่วนของทางเดินด้านหน้าของที่พักอาศัยของผู้ที่ปฏิบัติธรรมถือศีลกินเจจะเป็นเสาสี่เหลี่ยม แต่ในตัวศาลเจ้าเรือนประธานจะเป็นเสากลม มีจานทองลายสลักแขวนไว้ในตัวอาคารที่อยู่ด้านข้างวิหารเอี่ยวกิมบ้อเป็นแผ่นวงรี 96 แผ่นวางเรียงอยู่รอบศูนย์กลาง แต่ละแผ่นเขียนอักษรจีนว่า 一億 (เจ่กเอ๊ก) แปลว่าร้อยล้าน มีทั้งหมด 96 แผ่น จึงรวมเป็น 9 พัน 6 ร้อยล้าน ขื่อจะมีการสลัก เพื่อรองรับแรงสั่นสะเทือนโดยสลักนั้นจะสลักเป็นหัวสัตว์ที่มีเขี้ยว โดยเป็นสัญลักษณ์เพื่อให้กัดยึดขื่อไว้ให้แน่น และสลักไม้ที่ใส่ไว้ในโครงสร้างศาลเจ้านั้น ก็จะแกะสลักเป็นตัวกินไฟหรือมังกรเขียว เพื่อเป็นการข่มไฟ เนื่องจากศาลเจ้ามีการใช้ไฟในการทำพิธีอยู่ตลอดเวลา จึงถือเป็นเคล็ดในการป้องกันไฟไหม้ รูปวาดภายในศาลเจ้านั้นจะเป็นรูปวาดที่วาดคู่กับโคลงกลอนหรืออาจเป็นรูปปูนปั้น มักนิยมวาดเป็นคติธรรม เช่น รูปมังกรสอนบุตร, รูปเสือดาวในหมู่เสือโคร่ง ใต้อกไก่ของศาลเจ้านั้น (คานบนสุดของหลังคา) จะมีไม้อีกชิ้นรองอยู่ข้างใต้เป็นคานเสริมขึ้นมาโดยมักจะเขียนอักษรมงคลไว้หรืออาจจะเขียนเป็นยันต์แปดทิศก็ได้เป็นซึ่งเป็นความเชื่อของชาวแต้จิ๋วโดยเฉพาะ ซุ้มประตู หลิงซิงเหมิน(星门) บริเวณช่องกลางจะสูงสง่าที่สุด ส่วนด้านข้างทางซ้ายขวาจะมีขนาดลดหลั่นลงมา และมีลักษณะสมมาตรทางซ้ายและขวาของซุ้มประตู มีการสลักอักษรจีนตรงหน้าบันเป็นชื่อของโรงเจ เซี่ยง เข่ง ตึ๊ง มีรูปปั้นแกะสลักมังกรและสัตว์มงคลต่างๆเพื่อสื่อว่าเป็นซุ้มประตูที่จะนำพาผู้ที่เข้ามาไปถึงสรวงสวรรค์ มีหลังคาสีแดง และมีประตูสีแดงลายสลักสีทอง เพราะสีแดงคือสีแห่งความมงคลสีทองคือสีแห่งความมั่งคั่ง  ภาษาแต้จิ๋วเรียกโรงเจว่า แจตึ๊ง หรือ แจตั๊ว (มณฑลพิธีเมื่อรวมกับชื่อของโรงเจนั้นๆก็จะเหลือแค่คำว่าตึ้ง/ตั๊วเท่านั้น เช่น เสี่ยงเข่งตึ๊ง, บ้วนชุนตั๊ว, กิ่วอ๊วงหุกโจวตึ๊ง, จ่งเขง ฯลฯ) เจ แปลว่า อาหารที่ไม่ใช่ของสดคาว ตึ๊ง แปลว่า ห้องขนาดใหญ่ โรงตั๊ว แปลว่า แท่นบูชา
ที่ตั้ง
เลขที่ : 58 ซอยโรงเจ (ตรงข้ามวัดกลาง) ถนนเทอดไท 21 ตลาดพลู ต. บางยี่เรือ อ. เขตธนบุรี จ. กรุงเทพมหานคร 10600
บุคคล/กลุ่มผู้ให้ข้อมูล
- โรงเจเสี่ยงเข่งตึ้ง
ผู้บันทึกข้อมูล
- tharadol : มหาวิทยาลัยศรีปทุม :
ช่องทางติดต่อ
- 061 949 7899
มีผู้เข้าชมจำนวน :1808 ครั้ง
บันทึกข้อมูลเมื่อวันที่ : 06/01/2023 - ปรับปรุงล่าสุดวันที่ : 06/01/2023